อีคอมเมิร์ซสามารถเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นได้: AfterShip เปิดเผยแนวทางปฏิบัติ Green Returns สำหรับอุตสาหกรรมต่างๆ

อัตราการนำ Green Returns มาใช้ตามอุตสาหกรรม: เปอร์เซ็นต์ของปริมาณ Green Returns จากปริมาณ Returns ทั้งหมด (ไตรมาสที่ 3 ปี 2021 ถึงไตรมาสที่ 1 ปี 2023)

Green Returns ตามราคาผลิตภัณฑ์: การกระจายเปอร์เซ็นต์ตามมูลค่าผลิตภัณฑ์ (ไตรมาส 3 ปี 2021 ถึงไตรมาส 1 ปี 2023)

ผลการค้นพบและผลกระทบ

การวิเคราะห์อุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซ 14 แห่งเผยให้เห็นว่า Green Returns เป็นแนวทางปฏิบัติทั่วไปในหลายภาคส่วน รวมถึงยานพาหนะ สุขภาพ ความงาม และเครื่องสำอาง ซึ่งบ่งชี้ว่าผู้ค้าปลีกมีแนวโน้มที่จะใช้ Green Returns สำหรับสินค้าที่ไม่สามารถขายต่อหรือไม่สามารถเติมสต็อกได้ นอกจากนี้ สินค้าที่มีราคาถูกมักจะใช้ Green Returns มากกว่าสินค้าที่มีราคาสูงกว่า ซึ่งอาจเป็นเพราะคำนึงถึงห่วงโซ่อุปทานและต้นทุนการส่งคืนแรงงาน

วิธีการ

Green Returns มีความเกี่ยวข้องกับแบรนด์ของคุณ

นโยบายการคืนสินค้าของอีคอมเมิร์ซมักให้ระยะเวลาการคืนสินค้าที่ยาวนานขึ้นแก่ลูกค้าและมีอิสระมากขึ้นในการรับสินค้าที่อยู่ในสภาพไม่สมบูรณ์แบบ ส่งผลให้สินค้าไม่สามารถนำไปขายต่อหรือเติมสต๊อกใหม่ได้ นอกจากนี้ การคืนสินค้าตามฤดูกาลอาจมาช้าเกินไปสำหรับการขายต่อ อีกทั้งบางครั้งแบรนด์ต่างๆ ยังทำลายสินค้าที่ส่งคืนเพื่อรักษามูลค่าสินค้าให้สูง แทนที่จะทิ้งสินค้าที่ส่งคืนที่เสียหายหรือมีตำหนิ Green Returns จะคืนเงินโดยไม่ต้องให้ลูกค้าส่งคืน ซึ่งช่วยรักษาโลกและเงินของคุณไว้ได้ นอกจากนี้ยังช่วยเสริมสร้างชื่อเสียงด้านความรับผิดชอบต่อสังคมของแบรนด์ของคุณอีกด้วย AfterShip Returns มอบกฎการกำหนดเส้นทางที่ยืดหยุ่นซึ่งกำหนดโดยเงื่อนไขต่างๆ เช่น มูลค่าการสั่งซื้อ เหตุผลในการคืนสินค้า และประเภทสินค้า ผู้ค้าปลีกสามารถใช้ประโยชน์จากระบบอัตโนมัติเพื่อให้ Green Returns เป็นวิธีการคืนสินค้าสำหรับสินค้าเฉพาะตามนโยบายการคืนสินค้า